ประวัติและความเป็นมา "พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง"

พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก      ซึ่งเป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคี พุทธคุณของพระนางพญา เด่นด้านเมตตา เปี่ยมพร้อมด้านแคล้วคลาดและมหาอุดอีกด้วย พุทธคุณของพระนางพญาเป็นที่ประจักษ์มานาน องค์ที่นำมาให้ชมเป็นหนึ่งในแม่พิมพ์สังฆาฏิครับ พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ แม่พิมพ์นี้ ส่วนบนหน้าขององค์พระจะกว้างและสอบลงมาที่คาง ส่วนมากจะไม่เห็นหน้าตา ที่หน้าผากจะยุบเป็นตำหนิแม่พิมพ์ของพิมพ์สังฆาฏิ หูขวาขององค์พระยาวลงมาเป็นเส้นจรดไหล่และปลายหูขวา ถ้าติดชัดจะเห็นเหมือนหางแซงแซว หูซ้ายจะยาวจรดไหล่ และพาดต่อลงมาเป็นเส้นขอบจีวร  มองที่เบ้าขนมครกหรือหลุมบริเวณหัวไหล่ซ้ายจะเห็นได้ชัดอันเป็นเอกลักษณ์ของพิมพ์นี้ และปลายไหล่ทั้งสองข้างจะเทลาดลงไปสู่ขอบทั้งสองด้าน เส้นสังฆาฏิกว้างเป็นแผ่นหนาเห็นได้ชัด แขนขวาวางพาดบนตัก และแขนซ้ายจะงอเป็นขอเบ็ด นอกจากนี้ให้สังเกตที่ข้อมือขวาขององค์พระที่วางบนหัวเข่า จะเป็นการวางมือแบบหักข้อมือ โดยมือวางหักออกด้านนอก <br />  มองรอยตอกตัดด้านข้างต้องเป็นธรรมชาติ พื้นผิวจะยุบตัวเป็นธรรมชาติไม่เสมอกันทั้งหมด และเป็นรอยครูดเพราะเกิดจากการกดตอกลงมาจากด้านบนลงด้านล่างและกระทบกับเม็ดกรวด มีทั้งตัดชิดขอบพิมพ์ และตัดนอกขอบพิมพ์ซึ่งจะพบเห็นเช่นกัน เม็ดแร่ในองค์พระจะไม่มีแร่คม สีที่พบคือขาวขุ่น ขาวใส สีน้ำตาลและสีดำ และจะไม่คม  พระนางพญาเป็นพระศิลปะสุโขทัย อายุการสร้างประมาณ 400 ปี  เป็นพระพุทธปางมารวิชัย ไม่มีฐาน ไม่มีซุ้ม ขอบตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมชิดกับองค์พระประธาน หลังเรียบเป็นส่วนใหญ่ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของผิวหลังที่เรียบและมีส่วนผสมของกรวดที่ฝังอยู่ในเนื้อดิน ด้วยอายุยาวของพระนานกว่า 400 ปี เกิดการหดตัวของดินตามธรรมชาติ ทำให้เห็นดินที่หุ้มอยู่บนกรวดหดตัวลงด้วยเรียกว่าเม็ดผด  และสีขององค์พระมี 4 สีคือ ดำ แดง เหลือง และเขียว ซึ่งเกิดจากดินที่ถูกเผาและได้รับความร้อนต่างกันในขณะวางเผาอยู่ในเตา อันเป็นที่มาของขนาดองค์พระด้วย ถ้าโดนความร้อนมากย่อมหดตัวมากที่สุดและขนาดจะเล็กที่สุดซึ่งก็คือสีเขียว<br /> นางพญา กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก มีทั้งหมด 7 พิมพ์มาตรฐานที่วงการยอมรับดังนี้<br />      1. นางพญา พิมพ์เข่าโค้ง (ถือเป็นพิมพ์ใหญ่และนิยมที่สุด)<br />      2. นางพญา พิมพ์เข่าตรง (ถือเป็นพิมพ์ใหญ่ แบ่งเป็น 2 แม่พิมพ์คือ พิมพเข่าตรงธรรมดา และพิมพ์เข่าตรงมือตกเข่า)<br />      3.นางพญา พิมพ์อกนูนใหญ่ (ถือเป็นพิมพ์ใหญ่)<br />      4.นางพญา พิมพ์สังฆาฏิ (ถือเป็นพิมพ์กลาง)<br />      5.นางพญา พิมพ์อกนูนเล็ก (ถือเป็นพิมพ์เล็ก)<br />      6.นางพญา พิมพ์เทวดา หรือพิมพ์อกแฟบ (ถือเป็นพิมพ์เล็ก)<br />      วัดนางพญา ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ(วัดที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช) สันนิษฐานว่า พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา และพระราชมารดาใน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างพระนางพญาขึ้น ในคราวบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดราชบูรณะ ราวปี พ.ศ. 2090 - 2100 ขณะนั้นพิษณุโลกเป็นเมืองลูกหลวง และ พระวิสุทธิกษัตรีย์ ดำรงพระอิสริยยศเป็น แม่เมืองสองแคว และพระมหาธรรมราชา ทรงพระอิสริยยศที่ พระอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา<br />       พระนางพญาแตกกรุจากการที่พระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระนางพญาภายในวัดได้เกิดพังทลายลงมา พระได้กระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณวัด และเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสหัวเมืองพิษณุโลกเมื่อปี พ.ศ.2444 เพื่อทอดพระเนตรการหล่อพระพุทธชินราชจําลอง และทรงเสด็จไปที่วัดนางพญาด้วย  และทางวัดนางพญาได้ทูลเกล้าถวาย พระนางพญาให้กับพระองค์ท่าน  และพระองค์ทรงแจกจ่ายพระนางพญาให้กับข้าราชบริพารและผู้ติดตามเสด็จทุกคน และยังมีพระเหลือจากการแจกจ่ายในครั้งนั้น ซึ่งพระองค์ทรงนํากลับมาที่พระนคร ได้บรรจุกรุไว้ที่วัดสังกัจจายน์และวัดปราสาทบุญญาวาสอีกด้วย (มีการค้นพบพระนางพญาพิษณุโลกที่วัดทั้ง 2 แห่งนี้ในกรุงเทพ หลักฐานตรงกับบันทึกการเสด็จประพาสของ รัชกาลที่ 5)     #สถาบันรับรองและตรวจสอบวัตถุมงคลประเทศไทย เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ชั้น 1 (เปิดบริการทุกวัน)<br /> เวลา 11.00 น. - 20.00 น.  ติดต่อ 02-1938223-4 / 065-5824972

  อัพเดต: 21/12/2019

  อ่าน:  25,166  คน