"เฮียอ้า สุพรรณ"ที่สุดแห่งเซียนพระชุดเบญจภาคี

"เฮียอ้า สุพรรณ"ที่สุดแห่งเซียนพระชุดเบญจภาคี" <br /> กรรมการตัดสินพระเบญจภาคี  ปัจจุบันนี้อายุมากที่สุด คือ นายวิวัฒน์ เรืองพรสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ในวางการพระเครื่องไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปีที่มาอายุรองลงมา คือ นายประจำ อยู่อรุณ นายกิติ ธรรมจรัส หรือ เฮียกวง (สามล้อ ) อุปนายกสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย นายศุภชัย เรืองสรรงามศิริ หรือ ตี๋เหล้าประธานชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ นาย วิชัย อุทัยสุทธิกิจ หรือ ลิ้ม กรุงไทย    นาย อนุศักดิ์ นารถกุลพัฒน์ หรือ เฮียอ้า สุพรรณ รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย นายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั๊ง เมืองชล พล.ต.อ.กิตติ รอดบางยาง นายเชิดชัย เสตสุวรรณ (ง้ำ) ฯลฯ ส่วนที่หนุ่มสุดต้องยกให้นายเสมอ งิ้วงาม หรือ “ป๋อง สุพรรณ” เซียนพระแฟนพันธุ์แท้ นายกสมาคมพระเครื่องสุพรรณบุรี      กรรมการตัดสินพระที่คุ้นหน้ากันเป็นมากพิเศษต้องยกนิ้วให้ "เฮียอ้า สุพรรณ" กรรมการตัดสินพระชุดเบญจภาคีเซียนใหญ่นิสัยดี มีดีกรีเป็นปรมาจารย์ของเซียนพระชื่อดังหลายคน ในจำนวนนั้นก็มี “นายเสมอ งิ้วงาม”    "เฮียอ้า สุพรรณ"  เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า วงการพระที่สุพรรณ สมัยนั้น นอกจากพระท้องถิ่นแล้ว ก็มีการเล่นพระสมเด็จ วัดระฆัง และพระเมืองอื่นๆ อีกด้วย โดยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชื่อ คุณแสวง มากสอน เป็นคนสุพรรณ ทำงานอยู่ที่โรงไฟฟ้าวัดเลียบ เชิงสะพานพุทธ ฝั่งพระนคร (กรุงเทพฯ) เป็นคนที่สนใจพระมาก่อน พอถึงวันหยุดก็จะกลับสุพรรณ เอาพระสมเด็จและพระอื่นๆ ไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเป็นประจำ ทำให้ตลาดพระเมืองสุพรรณ มีพระเมืองอื่นๆ ให้ได้เล่นหากันด้วย    นอกจากนี้ก็มี คุณสุธีร์ ณ เวียงจันทน์ เป็นช่างตัดผม แต่ดูพระเก่ง ได้ติดต่อซื้อขายพระกับเซียนในกรุงเทพฯ เป็นประจำ ก็เอาพระนอกเมืองสุพรรณไปเผยแพร่ รวมทั้ง คุณทนงทิพย์ ม่วงทอง ผู้ควบคุมเครื่องยนต์เรือเมล์แดง  ที่เดินระหว่างเมืองสุพรรณ-กรุงเทพฯ มักจะเอาพระเมืองสุพรรณ ไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกับเซียนพระที่วัดมหาธาตุ แล้วเอาพระกรุเมืองอื่นๆ ไปขายต่อที่สุพรรณอยู่เสมอๆ ทำให้ตลาดพระที่สุพรรณ มีพระกรุพระเก่าอย่างหลากหลาย   สมัยก่อน พระส่วนใหญ่เป็นพระแท้ โดยเฉพาะพระเมืองสุพรรณ ที่เป็นพระหลักก็มี พระผงสุพรรณ พระมเหศวร องค์ละ ๔๐๐-๕๐๐ บาท สวยๆ องค์ละ ๑,๐๐๐ บาท พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง ก็ไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น ช่วงที่พระวัดลาวทองแตกกรุ ซื้อกันที่บ้านคนขุดพระ  องค์ละ ๕๐ บาท เอามาขายต่อองค์ละ ๑๐๐ บาท    สมัยนั้นเริ่มซื้อขายพระกันอย่างจริงจัง บางครั้งถึงกับขี่จักรยานออกไปหาซื้อพระตามบ้านนอก ไปตามบ้านต่างๆ ที่รู้ว่าเขามีพระ ขอซื้อเขา ใน ราคาไม่แพงนัก ส่วนใหญ่เป็นพระเมืองสุพรรณ โดยเฉพาะพระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง พระชุดกิมตึ๋ง กรุวัดพระรูป พระกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ฯลฯ บางวันเอาเงินไป ๗๐๐ บาท ก็ได้พระกลับมามากมาย ก็เอามาขายต่อ ได้กำไรหลายร้อยบาท ก็ดีใจแล้ว เพราะเงินมีค่ามาก ก๋วยเตี๋ยวสมัยนั้น ชามละบาทเดียวเท่านั้น"   "อ้า สุพรรณ" กล่าวถึงความสนใจในพระเครื่องว่า พระเครื่องเวลาบูชานำมาห้อยคอแล้วจะช่วยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเราได้ดี เวลาจะทำสิ่งไม่ดีก็นึกถึงพระ เราก็จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี และทำให้เรามุ่งมั่นแต่ในสิ่งที่ดี เพราะว่าพระจะทำให้คนที่แขวนหรือบูชามีจิตใจที่สุขุมเยือกเย็น จะไม่ไปทะเลาะกับใคร ไม่ไปทำร้ายใคร ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน    เมื่ออายุได้ประมาณ ๓๐ ปีเศษ "เฮียอ้า สุพรรณ" เริ่มเข้ากรุงเทพฯ สนามพระสมัยนั้นคือที่ วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ ไปนั่งดูเขาซื้อขายพระกันทุกวัน องค์ไหนชอบก็ซื้อเอาไว้ เพื่อไว้ศึกษา สมัยนั้นเซียนพระดังๆ อย่าง เชียร ธีระศานต์ ลุงจวง ลุงเครื่อง พี่ลิหนวด พี่ลิใหญ่ ฯลฯ จะไปชุมนุมกันที่สนามพระวัดมหาธาตุเป็นประจำ    ณ สนามพระแห่งนี้ อ.อ้า สามารถหาซื้อพระต่างๆ ได้เสมอ รวมทั้งพระเมืองสุพรรณ แล้วเอากลับไปขายที่สุพรรณ ทำให้ช่วงนั้นมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เลี้ยงครอบครัวได้อย่างน่าพอใจ   สำหรับจุดเริ่มต้นของการเล่นพระ เฮียอ้า สุพรรณ บอกว่าช่วงที่ผมเล่นพระครั้งแรก เป็นพระพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประเภทพระเกจิอาจารย์และพระเกจิอาจารย์สมัยนั้นก็จะมีพระของหลวงพ่อเนียม ของหลวงพ่อโบ้ย หลวงพ่อโหน่ง เป็นต้น    ส่วนพระกรุเป็นประเภทพระขุนแผนบ้านกร่าง ขุนแผนไข่ผ่าซีก พระชุดกิมตึ๋ง วัดพระรูปฯ สมัยนั้นก็จะเล่นประมาณนี้ เพราะเมื่อก่อนพระประเภทนี้จะแพร่หลายมาก   “พระหลวงพ่อเนียม วัดน้อย” เป็นพระเครื่องที่ศรัทธาและใช้อาราธนาติดตัวอยู่ตลอดทุกวันนี้ของ เฮียอ้า สุพรรณ รวมทั้ง หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระสมเด็จวัดเกศไชโย และที่นับถือมากก็จะเป็นหลวงปู่ทวด พระชุดนี้เคยมีประสบการณ์ก็มีแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นไปทางแคล้วคลาด คืออย่างนี้ เราใช้หลวงปู่ทวดมานานและก็นับถือท่านมาก และหลวงพ่อเนียม เมื่อเวลาจะเดินทางไปทางไหน เราก็จะอาราธนาพระขึ้นคอ ก็ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรที่เลวร้ายเลยสักครั้ง เดินทางปลอดภัยแคล้วคลาดตลอด   พระของจังหวัดสุพรรณมีมากมาย แต่พระซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดที่สุดของจังหวัดสุพรรณ ถ้าเป็นพระเกจิ ก็จะเป็นหลวงพ่อเนียม อันดับหนึ่งเลย หลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อโบ้ย คือพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีพระที่น่าเคารพและนับถือเยอะมาก ถ้าจะให้อธิบายคงจะไม่ไหว เพราะเยอะจริงๆ ก็เอาแค่อันดับต้นๆ ก็พอ    ส่วนพระกรุก็จะเป็นพระกรุวัดมหาธาตุ กรุวัดบ้านกร่าง จะเป็นประเภทพระผงสุพรรณ นี่ถือว่าเป็นสุดยอดของพระกรุ ซึ่งต้องยกให้เค้า เพราะเป็นพระที่อยู่ในชุดเบญจภาคีด้วย พระมเหศวรแล้วก็ พระลีลา พระขุนแผนบ้านกร่าง พิมพ์ทรงพลเล็ก ทรงพลใหญ่ ขุนแผนหัวเหลี่ยม อกเล็กอกใหญ่ ซึ่งเป็นที่นิยม   พระกรุวัดพระศรีฯ สร้างสมัยสุโขทัย เพราะว่าศิลปะที่ออกมามีทั้งพระลีลากำแพงศอก เพราะพระลีลาเป็นศิลปะของสุโขทัยเค้าอยู่แล้ว และยังมีพระอู่ทองที่อยู่ในกรุของวัดพระศรีฯ นี่ก็เยอะหลายองค์ พุทธคุณจะเด่นพร้อมหมดทั้งแคล้วคลาด เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันภูตผีปีศาจ เฮียอ้า แนะนำนักสะสมมือใหม่ การเล่นพระให้เก่งควรขยันหาข้อมูล อย่าศึกษาด้วยหูเพียงอย่างเดียวการฟังคนอื่นมากอาจหลงทางไปเลยก็ได้   สำหรับ พระเกจิอาจารย์ เมืองสุพรรณ ก็มีมากมาย จึงมีการซื้อขายพระของเกจิอาจารย์ต่างๆ อย่างกว้างขวางเช่นกัน โดยเฉพาะพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า อาทิ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ฯลฯ    “เฮียอ้า สุพรรณ” ให้เหตุผลของเริ่มสนใจพระชุดเบญจภาคีว่า เพราะในพระชุดนี้มี พระผงสุพรรณ ของเมืองสุพรรณ รวมอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า พระผงสุพรรณ ผมได้ดูพระแท้องค์จริงมาเยอะมาก จึงจดจำจุดสำคัญต่างๆ ได้หมด ก็เลยหันไปศึกษาพระองค์อื่นๆ ในชุดนี้บ้าง เริ่มจากพระสมเด็จเกศไชโย เพราะที่สุพรรณมีพระพิมพ์นี้มาก เนื่องจากสุพรรณอยู่ไม่ไกลจาก จ.อ่างทอง มากนัก    เมื่อรู้เรื่องพระสมเด็จเกศไชโยได้ดีแล้ว ก็หันไปศึกษาพระสมเด็จ วัดระฆัง และพระสมเด็จ บางขุนพรหม ต่อ ก็เรียนรู้ได้ไม่ยาก เพราะพระสมเด็จ ๓ สำนักนี้ สร้างโดยสมเด็จฯ โต เหมือนกัน จึงมีพื้นฐานไม่ต่างกัน บางครั้งเมื่อจะขอดูพระของผู้ใหญ่ ท่านจะวางบนมือของท่าน แล้วให้เราส่องดูเอาเอง ห้ามจับต้ององค์พระ พร้อมกับบอกว่าให้จดจำพิมพ์ทรงองค์พระว่าเป็นแบบไหน กว่าจะจดได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร       ส่วน พระซุ้มกอ พระรอด พระนางพญา เป็นพระเนื้อดินเผา ก็ได้อาศัยเนื้อพระของพระผงสุพรรณ เป็นพื้นฐานการศึกษาพระเนื้อดินเผา เริ่มจากพิมพ์ทรง ผิวพระ คราบกรุ และเนื้อมวลสาร เป็นหลักในการพิจารณาความเก่าของเนื้อพระ หากจำได้ว่า ความเก่าของพระผงสุพรรณ เป็นอย่างไร    ความเก่าของพระกรุอื่นก็ย่อมไปเป็นแนวทางเดียวกัน แม้ว่าเนื้อพระจะไม่เหมือนกันก็ตาม ขอให้ตั้งใจศึกษาจริงๆ จะรู้สึกว่า ไม่ยากเลย สำหรับการศึกษาหาความรู้ในองค์พระต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ สำคัญที่สุดคือ หากมีใจรักจริง ก็สามารถจดจำได้ง่ายขึ้น" อ.อ้า กล่าวแนะนำ   เมื่อมีความรู้ความชำนาญ ในเรื่องพระชุดเบญจภาคี และพระยอดนิยมอื่นๆ ทำให้วงการพระต่างยอมรับว่า "เฮียอ้า สุพรรณ" เป็นผู้ชำนาญในการพิจารณาพระชุดเบญจภาคี และพระหลักยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ จึงได้รับเกียรติให้เป็น กรรมการตัดสินพระชุดเบญจภาคี ของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย รวมทั้งได้รับเกียรติให้เป็น อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย อีกด้วย   สำหรับ คำแนะนำผู้ที่เพิ่งหันมาสนใจสะสมพระเครื่อง "เฮียอ้า สุพรรณ" บอกว่า ต้องเริ่มจากตัวเองก่อนว่า  รักชอบพระประเภทไหน พระเนื้อดิน ชิน ผง เหรียญ รูปหล่อ พระกริ่ง พระปิดตา ฯลฯ ก็ให้เริ่มจากพระประเภทนั้นก่อน ศึกษาหาจุดสำคัญขององค์พระ พิมพ์ทรง เนื้อมวลสาร ความเก่าใหม่ ฯลฯ จนสามารถจดจำได้หมดแล้ว จึงค่อยไปศึกษาพระประเภทอื่นต่อไป อย่าศึกษาปะปนกัน เพราะจะสับสน และเข้าใจยาก   สิ่งสำคัญ คือ จะต้องหาพระแท้องค์จริง จากผู้ที่เชื่อถือได้ว่าเป็นผู้รู้จริง และเป็นผู้เล่นพระแท้เท่านั้น มาเป็น พระองค์ครู ในการศึกษาหาข้อมูลต่างๆ จากองค์พระ    ทุกวันนี้ ใครเล่นพระแท้ ใครเล่นพระเก๊ ใครเป็นผู้รู้จริง ใครเป็นผู้รู้ไม่จริง คนในวงการพระเขารู้กันหมด ปิดบังกันไม่ได้ น้องใหม่ที่เพิ่งหันมาเล่นพระ ก็สามารถรู้ได้เช่นกัน หากเข้ามาคลุกคลีกับคนในวงการพระอย่างสม่ำเสมอ   ป๋อง สุพรรณ บอกว่า เฮียอ้า สุพรรณ เป็นครูบาอาจารย์ครับผม พ่อผู้ให้กำเนิดมีได้คนเดียว แต่ผมถือว่าผู้มีพระคุณคือพ่อของเราอีกท่านหนึ่ง ซึ่งให้โอกาสส่งเสริมให้เราได้มีอาชีพฐานะที่ดี

  อัพเดต: 30/07/2019

  อ่าน:  2,379  คน